โฮงสินไซ ที่เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ สุดน่าสนใจ
หากจะกล่าวถึงวรรณกรรมพื้นเมืองของภาคอีสาน ที่ใครหลายคนรู้จักเป็นอย่างดี เราเชื่อว่าต้องมีเรื่องของ “ สินไซ ” หรือ “ สังศิลป์ชัย ” อยู่ในนั้นแน่นอน สินไซเป็นวรรณกรรมสองฝั่งโขง ไทย-ลาว ที่มีตำนานเล่าขานกันมายาวนาน โดยวันนี้ teawtaron จะขอเล่าถึงความเป็นมาและ จุดบริเวณต่าง ๆ ของ “โฮงสินไซ ” ให้คนที่สนใจเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ได้รับทราบ

ทำความรู้จัก โฮงสินไซ ที่เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ สุดน่าสนใจ
“ โฮงสินไซ ” ซึ่งเป็นการจุดประกายของ ผศ.ดร.ทรงวิทย์ พิมพะกรรณ นักวิจัย นักวิชาการอิสระ โดยที่ท่านมีภูมิลำเนาที่จังหวัดอุบลราชธานี จุดเริ่มต้นของ “โฮงสินไซ” เป็นความภาคภูมิใจของท่านเมื่อสมัย 20 ปีก่อน ที่ได้ศึกษาวรรณกรรมเรื่องสินไซอย่างจริงจัง แต่ก่อนท่านไม่ค่อยได้ค้นคว้าภูมิปัญญาอีสานอย่างจริงจัง ด้วยที่เกิดและเติบโตในเมืองใหญ่ เรียนหลักสูตรส่วนกลางและหลักสูตรต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะนำพาประเทศก้าวสู่ความทันสมัย แต่ก็ทำให้หลงลืมภูมิปัญญาดั้งเดิมที่มีอย่างช้านาน เพราะมองว่าเป็นสิ่งที่ล้าสมัยหรือไม่เจริญ
คำว่า “โฮง” มีความหมายคือ พระราชวัง ตำหนัก หรือสถานที่ประทับหรืออยู่อาศัย รวมถึงการว่าราชการการงานของพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรล้านช้าง หรือมีความหมายหนึ่งเรียกว่าที่พักอาศัยอาศัยที่มีขนาดใหญ่กว่าเฮือน(เรือน)
เมื่อท่านได้ดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ประจำคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อปี พ.ศ.2541 ก็มีโอกาสได้ลงชุมชน รู้จักศิลปะวัฒนธรรมของชาวขอนแก่น มีหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าสนใจ ซึ่งวรรณกรรม “ สังศิลป์ชัย ” เป็นหนึ่งในนั้น แต่ชาวขอนแก่นจะเรียกว่า “สินไซ”
เมื่อท่านได้ทำงานเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเป็นหลายสิบปี จึงมีความคิดได้ลาออกจากราชการเพื่อมาประกอบอาชีพส่วนตัว โดยที่ประยุกต์บ้านส่วนตัวของท่านเป็นพื้นที่การเรียนรู้ มีเนื้อที่ทั้งหมด 3 ไร่ รายล้อมด้วยต้นไม้ พืชพรรณ นอกจากจะเป็นที่อยู่อาศัยแล้ว ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ จัดกิจกรรม Workshop งานศิลปะ ที่สำคัญเป็นแหล่งคลังข้อมูลทางวรรณกรรมเรื่อง “สินไซ” อีกทั้งท่านได้เลี้ยงสุนัข ชื่อว่า “ดำลง” ซึ่งสุนัขตัวนี้เกิดมาแล้วโต ทำให้สีของขนดำลงนั่นเอง
โดยที่บริเวณภายนอกบ้านจะเต็มไปด้วย พืชพรรณป่าไม้ ซึ่งเป็นป่าเบญจพรรณ สามารถพบได้ในแถบภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะโดยทั่วไปของป่าเบญจพรรณคือ เป็นป่าโปร่ง มีต้นไม้ใหญ่เป็นจำนวนมาก มีพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด และต้นไผ่ ซึ่งเมื่อถึงฤดูแล้งต้นไม้ทั้งหมดที่อยู่บริเวณนั้นก็จะผลัดใบ
บริเวณชั้นล่างของบ้านจะประกอบด้วย ชั้นวางหนังสือบันเทิงคดีและหนังสือวิชาการ ชั้นวางเทปคลาสเซทและแผ่นซีดีรอม รวมถึงแผ่นเสียงพร้อทด้วยเครื่องเล่น ผลงานศิลปะของทั้งท่านอาจารย์ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเอง และของเด็กที่เข้าร่วมกิจกรรมของสมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิสติก จังหวัดขอนแก่น และสถาบันวิจัยออทิสซึ่ม มหาวิทยาลัยขอนแก่น อีกทั้งยังเป็นลานกิจกรรม Workshop เกี่ยวกับงานศิลปะอีกด้วย

ไฮไลท์บริเวณชั้นนี้คือ เคาน์เตอร์ทำกาฟ ท่านได้ชงกาแฟให้กับผู้ที่มาเยี่ยมชม อีกด้วย ซึ่งกระผมก็ได้ลิ้มลองกาแฟฝีมือของท่านเป็นประจำที่ไปโฮงสินไซ เมล็ดกาแฟที่ท่านใช้คั่วบนเป็นเมล็ดกาแฟที่มาจากจังหวัดเชียงราย จุดเด่นของการบดกาแฟคือ เครื่องบดกาแฟแบบใช้มือทำให้นึกถึงรถยนต์สมัย 20-30ปีก่อน ที่มักจะมีกระจกมือหมุน พบได้ในรถยนต์กระบะและรถเก๋งรุ่นล่าง ๆ
ส่วนบริเวณชั้นบน เป็นแหล่งคลังข้อมูลที่เก็บงานวรรณกรรมเรื่องสินไซ (มีการแปลหลายภาษาเช่น ภาษาจีน ภาษาเกาหลี ภาษาฝรั่งเศส) งานดุษฎีนิพนธ์ ภาพเขียนวรรณกรรมสินไซที่เจ้าของบ้านเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงาน หุ่นหนังประทัยหรือหนังตะลุงอีสาน เรื่อง สินไซ สำเนางานเขียนต้นฉบับลายมือ มหาสิลา วีระวงส์ โดยมีจุดเด่นสำคัญคือ หุ่นจำลองงูซวงทำมาจากรากต้นจิก อีกทั้งเป็นที่ตั้งห้องทำงานส่วนตัวของอาจารย์อีกด้วย
โฮงสินไซ ไม่เพียงแค่ที่พักอาศัยเท่านั้น เป็นแหล่งทองเที่ยวแบบผสมผสาน ที่เป็นแหล่งสะสมมรดกทางวรรณกรรมเรื่องสินไซซึ่งมีการแปลภาษาหลายภาษา งานดุษฎีนินธ์ ภาพเขียนวรรณกรรมสินไซ หุ่นจำลองงูซวง ผลงานศิลปะ ซุ้มทำกาแฟ อีกทั้งยังเพลิดเพลินกับเสียงเพลง เสียงดนตรีอันไพเราะทุกแนว
เท่านั้นยังไม่พอยังได้สัมผัสกับบรรยากาศป่าเต็งรัง ที่อุดมไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด เช่น ต้นไผ่ ต้นกางตูม ใบหมี่ ต้นชงโค ที่ทำให้เกิดความร่มรื่น ได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เหมือนได้เดินวนอุทยาน
หากใครสนใจเยี่ยมชมโฮงสินไซ ที่ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 257 ซอยบ้านหนองกุง ตำบลศิลา อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น 40000 หรือสอบถามที่ที่เพจ Facebook “ โฮงสินไซ (Sinxay Herritage House) ”
แนะนะ ร้านชานมไข่มุกเด็ด ที่ต้องแวะไปตำสักครั้ง ใครที่เป็นสายชานม ชอบความกรุบกับของไข่มุกสุดพิเศษ ลองไปลิ้มรสกันดูได้เลยนะคะ